Merlin's Solutions International | Digital Workplace
16162
bp-legacy,post-template-default,single,single-post,postid-16162,single-format-standard,ajax_fade,page_not_loaded,,qode-theme-ver-9.1.2,wpb-js-composer js-comp-ver-4.9.2,vc_responsive

Digital Workplace

08 ก.พ. Digital Workplace

สำหรับทางเลือกในการทำงานร่วมกันในยุค 4.0 เป็นการนำ Digital Technology มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดการติดต่อสื่อสารอย่างไร้ข้อจำกัด สามารถทราบสถานะการทำงานและความก้าวหน้าต่าง ๆ รวมถึงแบ่งปันข้อมูลและงานให้กับผู้ร่วมงานที่เกี่ยวข้องได้แบบ Real-Time ซึ่งนำมาสู่การทำ Digital Workplace โดยใช้เทคโนโลยี Wireless Network และ Cloud ร่วมกับอุปกรณ์ IoT อย่าง Beacon แบบ Bluetooth Low Energy (BLE) เพื่อรวบรวมข้อมูลพร้อมระบุตำแหน่งของผู้ใช้งานภายในองค์กร แล้วสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ผ่านระบบ Data Analytics หรือนำไปประยุกต์ใช้กับ Application ต่างๆ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาวิเคราะห์การใช้งานพื้นที่ส่วนต่างๆ ของสำนักงานเพื่อใช้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้การออกแบบ Digital Workplace ที่เป็นลักษณะ Open Space จะไม่มีการกำหนดที่นั่งประจำของพนักงานทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการปรังปรุงสำนักงานและขนาดพื้นที่ลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้มากขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับองค์กรที่ไม่ได้มีการทำ Enterprise Social Network อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานในการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 20% ด้วยการออกแบบในรูปแบบดังกล่าวก่อให้เกิดการสื่อสารที่ใกล้ชิดและความเข้าใจกันระหว่างพนักงานในองค์กรที่ดีขึ้นทำให้อัตราการรักษาพนักงานนั้นสูงขึ้นถึง 78% และเป็นการปรับเปลี่ยนมุมมองในการออกแบบสำนักงานแบบเดิมอย่างสิ้นเชิงเนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ช่วยสร้างโอกาสให้องค์กรมีผู้ที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานมากขึ้น 67% เนื่องจากเป็นส่วนของอัตราของพนักงานที่สนใจทำงานกับองค์กรที่ให้รายได้น้อยลงแต่สามารถทำงานได้อย่างอิสระในทุกสถานที่ โดยไม่ได้มีการจำกัดเพียงอยู่ในสำนักงานเท่านั้น

Pic1ที่มา : https://www.techtalkthai.com/hpe-aruba-digital-workspace/

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนองค์กรไปสู่ Digital Workplace นั้นขึ้นอยู่กับทัศนคติ (Mindset) การร่วมมือร่วมใจกันภายในองค์กร ประสิทธิภาพและความสามารถ (Competency) ที่มี รวมถึงความเหมาะสมของผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งแต่ละองค์กรสามารถดำเนินการได้จากการออกแบบ Smart Office ที่คำนึงถึงระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีที่ต้องการใช้งานเป็นหลัก เพื่อรองรับการทำงานและความสะดวกในการติดต่อสื่อสารภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ (Activity-Based Working) แล้วให้สถาปนิกเข้ามาตกแต่งความสวยงามในภายหลัง นอกจากนี้ยังมีการออกแบบที่รองรับความคล่องตัวในการทำงานสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ มี Hot-Seat เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย สามารถเลือกพื้นที่การทำงานได้อย่างอิสระเนื่องจากมีการใช้งานเทคโนโลยี Wi-Fi และ BYOD ที่ทำให้การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายมีปลอดภัยยิ่งขึ้น มีการเข้าใช้งานระบบเครือข่ายแบบ Unified Network Access สำหรับ LAN และ Wireless LAN มีระบบ Location เพื่อลดปัญหาการจองห้องประชุมแต่ไม่ได้ใช้งาน ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการต่าง ๆ เองได้โดยอัตโนมัติด้วย Digital Signage มี Workplace Analytics ในการวิเคราะห์วางแผนปรับปรุงพื้นที่ทำงาน สามารถทำห้องประชุมทางไกลด้วยระบบ Video Collaboration เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นระหว่างการประชุม รวมถึงการทำ Smart Space ในการจัดสรรพื้นที่การใช้งานต่าง ๆ ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการทำงานที่เรียกว่า Smart and Connected Workplace

ซึ่งในอนาคตจะมีอัตราการทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือสูงถึง 40% และมีอัตราผู้ใช้งานที่สามารถใช้อุปกรณ์ที่หลากหลายขึ้นในการทำ Video Call ถึง 40% รวมถึง 94% ขององค์กรชั้นนำจะให้ความสำคัญกับ Cloud Collaboration มากขึ้นเนื่องจากช่วยสร้างความยืดหยุ่นในการทำงานได้ ดังนั้นองค์กรต่างๆ จึงควรให้ความตระหนักถึงการปรับเปลี่ยนดังกล่าวเพื่อดำเนินการออกแบบปรังปรุงสำนักงานของตนให้สามารถรองรับและเหมาะสมต่ออนาคตได้

แหล่งอ้างอิง
https://bit.ly/2StA5UT
https://bit.ly/2tr1N5N
https://bit.ly/2BmJWSs
https://bit.ly/2SywGUG

Comments

comments

No Comments

Post A Comment